วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สมาชิกในกลุ่ม


1.นางสาวชาริณี  ผลมะขาม  เลขที่ 19
2.นางสาวกันยา  ทองนิล      เลขที่ 29
3.นางสาวกชมน  เจริญโต๊ะ   เลขที่ 33
4.นางสาวกาญดารัตน์  ค้ายาดี   เลขที่ 34
5.นางสาวพรนภา  มั่งทอง    เลขที่ 37
นักเรียนชั้น ม.6/4

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การศึกษาเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและกล้วยน้ำว้า


บทคัดย่อ
โครงงานเรื่องการศึกษาเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและทำครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า เพื่อเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้ามีผลการศึกษาดังนี้ ผลจากการศึกษาและทำครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้าปรากฏว่าเนื้อครีมมีลักษณะหยาบ สีดำ  มันวาว และผลจากการเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้าพบว่าครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมสามารถขัดรองเท้าทำให้รองเท้ามีค่าความมันวาวได้มากกว่าครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยน้ำว้า
 



ที่มาและความสำคัญ
ในปัจจุบันเราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความมั่นใจในตนเองจะทำให้เรามีบุคลิกภาพที่ดี เกิดความมั่นใจ ถ้ารองเท้าที่เราสวมใส่ขาดความมันวาว  ก็จะส่งผลให้เราเสียความมั่นใจได้เช่นกัน จากการที่เราได้สังเกตรองเท้าของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
6 เราจะสังเกตได้ว่ารองเท้าบางคู่มีความมันวาว รองเท้าบางคู่ขาดความมันวาวเราจึงสอบถามเหตุผลกับเจ้าของรองเท้าที่ขาดความมันวาว เหตุผลส่วนใหญ่คือ ไม่มีเวลาขัดและครีมขัดรองเท้าที่จำหน่ายในตลาดมีราคาแพง จะทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และในบางครั้งจะมีสารเคมีตกค้าง ซึ่งจะส่งผลให้เป็นอันตรายแก่ผิวและอาจจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้  จากการที่เราได้ศึกษาหาข้อมูลทำให้เราทราบว่ามีเปลือกผลไม้หลายชนิดที่สามารถนำมาทำเป็นครีมขัดรองเท้าได้ เช่น เปลือกมังคุด เปลือกเงาะ เปลือกทุเรียน เปลือกส้ม เปลือกกล้วย ฯลฯ ด้วยเหตุนี้กลุ่มของข้าพเจ้า จึงได้จัดทำโครงงานนี้ขึ้นมา เพื่อศึกษาเปรียบเทียบชนิดของเปลือกกล้วย ว่าเปลือกกล้วยชนิดใด สามารถนำมาทำครีมขัดรองเท้า แล้วจะทำให้ค่าความมันวาวได้ในปริมาณมากกว่ากัน หรือที่เรียกว่ามีประสิทธิภาพดีกว่ากัน และยังเป็นการประยุกต์ใช้วัสดุภายในท้องถิ่น ที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย และเพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ที่มีความสนใจในโครงงานนี้มีแนวทางในการศึกษาต่อ
วัตถุประสงค์
การศึกษาเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้าครั้งนี้ กำหนดวัตถุประสงค์ไว้ดังนี้
1. เพื่อศึกษาและทำครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า
2. เพื่อเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า
ขอบเขตของการศึกษา
ด้านระยะเวลา
21 มิถุนายน – 13 ตุลาคม 2555 รวมระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าและทดลองทั้งหมด 85 วัน
ด้านเนื้อหา
ในการศึกษาทดลองโครงงานนี้มุ่งศึกษาเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
                1. ทำให้ทราบถึงวิธีการและวิธีทำครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือก กล้วยน้ำว้านั่นทำอย่างไร
                2. ทำให้ทราบว่าครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า ครีมจากเปลือกกล้วยชนิดใดจะให้ความมันวาวของรองเท้าได้มากกว่ากัน
วัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้
                1.เครื่องชั่ง                              8.ไมโครเวฟ
                2.เครื่องวัดแสงตกกระทบ             9.มีดและเขียง
                3.บีกเกอร์                                     10.ภาชนะใส่เปลือกกล้วย
                4.แท่งแก้วคนสาร                             11.ผงเปลือกกล้วยหอม
                5.ตะเกียงแอลกอฮอล์                          12.ผงเปลือกกล้วยน้ำว้า
                6.กระปุกเปล่า                               13.วาสลีน
                7.ครกและสาก                              14.พาราฟิน
สูตรครีมขัดรองเท้า

สูตรเปลือกกล้วยหอม
สูตรเปลือกกล้วยน้ำว้า
 ผงเปลือกกล้วยหอม 10 กรัม
 ผงเปลือกกล้วยว้า 10 กรัม
 วาสลีน 30 กรัม
 วาสลีน 30 กรัม
 พาราฟิน 20 กรัม
 พาราฟิน 20 กรัม









บทคัดย่อ



โครงงานเรื่องการศึกษาเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและทำครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า เพื่อเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า      มีผลการศึกษาดังนี้ 
ผลจากการศึกษาและทำครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้าปรากฏว่าเนื้อครีมมีลักษณะหยาบ สีดำ  มันวาว และผลจากการเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้าพบว่าครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมสามารถขัดรองเท้าทำให้รองเท้ามีค่าความมันวาวได้มากกว่าครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยน้ำว้า

กิตติกรรมประกาศ



การจัดทำโครงงานเรื่องการศึกษาเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้าสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เพราะได้รับการสนับสนุนและคำปรึกษาจากคุณครู สมชาย สุธีกุล ซึ่งเป็นที่ปรึกษาโครงงานเล่มนี้ตลอดจนคุณครูผู้สอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 3 ที่ให้ความช่วยเหลือทางด้านเครื่องมือพร้อมทั้งให้ความรู้และคำแนะนำต่างๆ
  ขอขอบคุณในความอนุเคราะห์และแรงสนับสนุนจาก บิดาและมารดา ที่ส่งเสริมในการศึกษาค้นคว้าตลอดจนให้กำลังใจและสนับสนุน ในการทำโครงงานและช่วยให้คำแนะนำที่ดี
โครงงานเล่มนี้ได้รับความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจจากคณะทำงาน ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานและเสียเวลา และกำลังกาย ทั้งความคิดความรู้ จนได้ผลงานเสร็จสมบูรณ์และลุล่วงได้ด้วยดี

คณะผู้จัดทำโครงงาน

บทที่ 1 บทนำ



ที่มาและความสำคัญ
ความวาวเป็นคำเรียกของปฏิกิริยาการสะท้อนแสงทุกรูปแบบของวัตถุที่มีการสะท้อนแสงได้ทั้งแบบบานพื้นผิวและภายในของวัตถุ โดยเป็นปฏิกิริยาระหว่างแสงกับผิวของผลึก ทั้งบนพื้นผิวและภายในผลึก ทั้งการหักเหจากผลึกและการสะท้อนภายในผลึกและภายนอกผลึก มีรากศัพท์มาจากคำว่า lux ในภาษาลาติน ซึ่งมีความหมายว่า ความสว่าง และโดยทั่วไปมีความหมายว่าความสว่างไสว ความวาว
(ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A7)  และในปัจจุบันเราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความมั่นใจในตนเองจะทำให้เรามีบุคลิกภาพที่ดี เกิดความมั่นใจ ถ้ารองเท้าที่เราสวมใส่ขาดความมันวาว  ก็จะส่งผลให้เราเสียความมั่นใจได้เช่นกัน จากการที่เราได้สังเกตรองเท้าของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เราจะสังเกตได้ว่ารองเท้าบางคู่มีความมันวาว รองเท้าบางคู่ขาดความมันวาวเราจึงสอบถามเหตุผลกับเจ้าของรองเท้าที่ขาดความมันวาว เหตุผลส่วนใหญ่คือ ไม่มีเวลาขัดและครีมขัดรองเท้าที่จำหน่ายในตลาดมีราคาแพง จะทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และในบางครั้งจะมีสารเคมีตกค้าง ซึ่งจะส่งผลให้เป็นอันตรายแก่ผิวและอาจจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้  จากการที่เราได้ศึกษาหาข้อมูลทำให้เราทราบว่ามีเปลือกผลไม้หลายชนิดที่สามารถนำมาทำเป็นครีมขัดรองเท้าได้ เช่น เปลือกมังคุด เปลือกเงาะ เปลือกทุเรียน เปลือกส้ม เปลือกกล้วย ฯลฯ
(ที่มา:http://saengdaw006.blogspot.com/ )              
               ด้วยเหตุนี้กลุ่มของข้าพเจ้า จึงได้จัดทำโครงงานนี้ขึ้นมา เพื่อศึกษาเปรียบเทียบชนิดของเปลือกกล้วย ว่าเปลือกกล้วยชนิดใด สามารถนำมาทำครีมขัดรองเท้า แล้วจะทำให้ค่าความมันวาวได้ในปริมาณมากกว่ากัน หรือที่เรียกว่ามีประสิทธิภาพดีกว่ากัน และยังเป็นการประยุกต์ใช้วัสดุภายในท้องถิ่น ที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย และเพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ที่มีความสนใจในโครงงานนี้มีแนวทางในการศึกษาต่อ




วัตถุประสงค์
การศึกษาเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้าครั้งนี้ กำหนดวัตถุประสงค์ไว้ดังนี้
1. เพื่อศึกษาและทำครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า
2. เพื่อเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจาก                                เปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า

ขอบเขตของการศึกษา
ด้านระยะเวลา
21 มิถุนายน – 13 ตุลาคม 2555 รวมระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าและทดลองทั้งหมด 85 วัน
ด้านเนื้อหา
ในการศึกษาทดลองโครงงานนี้มุ่งศึกษาเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ทำให้ทราบถึงวิธีการและวิธีทำครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือก กล้วยน้ำว้านั่นทำอย่างไร
2. ทำให้ทราบว่าครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า ครีมจากเปลือกกล้วยชนิดใดจะให้ความมันวาวของรองเท้าได้มากกว่ากัน

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง



การศึกษาเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและทำครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้าและเพื่อเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า ผู้ศึกษาได้ทำการค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้อง มีหัวข้อดังต่อไปนี้
1.ความหมายของความวาว
2.เปลือกกล้วยสามารถนำมาทำครีมขัดรองเท้าได้
3.ลักษณะของกล้วยน้ำว้าและลักษณะของกล้วยหอม
4.สารพิษที่อยู่ในครีมขัดรองเท้าทั่วๆไป
5.วิธีทำครีมขัดรองเท้า
           
1.                      ความหมายของความวาว
ความวาวเป็นคำเรียกของปฏิกิริยาการสะท้อนแสงทุกรูปแบบของวัตถุที่มีการสะท้อนแสงได้ทั้งแบบบานพื้นผิวและภายในของวัตถุ โดยเป็นปฏิกิริยาระหว่างแสงกับผิวของผลึก ทั้งบนพื้นผิวและภายในผลึก ทั้งการหักเหจากผลึกและการสะท้อนภายในผลึกและภายนอกผลึก มีรากศัพท์มาจากคำว่า lux ในภาษาลาติน ซึ่งมีความหมายว่า ความสว่าง และโดยทั่วไปมีความหมายว่าความสว่างไสว ความวาว(ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A7
         2.เปลือกกล้วยสามารถนำมาทำครีมขัดรองเท้าได้
เปลือกกล้วยหอมมีประโยชน์ สามารถนำมาใช้ขัดรองเท้าหนังให้มันวาวได้ ใช้เปลือกกล้วยด้านในขัดให้ทั่ว ใช้ผ้าสะอาดเช็ดร้องเท้าอีกครั้ง ก็จะได้รองเท้าหนังที่มันวาวดูใหม่  โดยไม่ต้องพึ่งน้ำยาขัดรองเท้า
กล้วยน้ำว้านอกจากจะทำให้ผิวชุ่มชื่นไม่แห้งกร้านแล้วยังทำให้ผิวนุ่ม นอกจากนั้นเปลือกกล้วยน้ำว้าสามารถนำไปขัดรองเท้าได้ดีพอๆกับน้ำยาขัดรองเท้าด้วย             
          3.ลักษณะของกล้วยน้ำว้าและลักษณะของกล้วยหอม

กล้วยน้ำว้า เป็นกล้วยพันธุ์หนึ่ง พัฒนามาจากลูกผสมระหว่างกล้วยป่ากับกล้วยตานี บริโภคกันอย่างแพร่หลาย ปลูกง่าย รสชาติดี สำหรับกล้วยน้ำว้าแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามสีของเนื้อ คือ น้ำว้าแดง น้ำว้าขาว และน้ำว้าเหลือง คนไทยรับประทานกล้วยน้ำว้าทั้งผลสด ต้ม ปิ้ง และนำมาประกอบอาหาร นอกจากนี้ยังมีกล้วยน้ำว้าดำ ซึ่งเปลือกมีสีครั่งปนดำ แต่เนื้อมีสีขาว รสชาติอร่อยคล้ายกล้วยน้ำว้าขาว สำหรับกล้วยตีบเหมาะที่จะรับประทานผลสด เพราะเมื่อนำไปย่าง หรือต้มจะมีรสฝาด
กล้วยน้ำว้ามีชื่อพื้นเมืองอื่นเช่น กล้วยน้ำว้าเหลือง กล้วยใต้ หรือ กล้วยอ่อง เดิมจัดเป็นชนิด Musa sapientum L.

คุณค่าทางอาหารและยา

กล้วยน้ำว้าเมื่อเทียบกับกล้วยหอมและกล้วยไข่ กล้วยน้ำว้าจะให้พลังงานมากที่สุด กล้วยน้ำว้าห่ามและสุกมีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีช่วยบำรุงกระดูก ฟัน และเหงือกให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวพรรณดี มีเบต้าแคโรทีน ไนอาซีนและใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น กินกล้วยน้ำว้าสุก จะช่วยระบายท้องและสามารถรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันในเด็กเล็กได้ ช่วยลดอาการเจ็บคอ เจ็บหน้าอกที่มีอาการไอแห้งร่วมด้วย โดยกินวันละ 4-6 ลูก แบ่งกินกี่ครั้ง ก็ได้ กินกล้วยก่อนแปรงฟันทุกวันจะทำให้ไม่มีกลิ่นปาก และผิวพรรณดี เห็นผลได้ใน 1 สัปดาห์ กล้วยน้ำว้าดิบและห่ามมีสารแทนนิน เพคตินมีฤทธิ์ฝาดสมาน รักษา อาการท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้ โดยกินครั้งละครึ่งผล หรือ 1 ผล อาการท้องเสียจะทุเลาลง นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัยยังพบว่า มีผลในการรักษาโรคกระเพาะได้อีกด้วย(ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2 



กล้วยหอม เป็นไม้ล้มลุกชนิดหนึ่ง มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ เช่น กล้วยหอมจันท์ กล้วยหอมทอง กล้วยหอมเขียว จัดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารครบถ้วนตามหลักทางโภชนาการ อาทิเช่น มีวิตามิน ไฟเบอร์ ที่มีส่วนช่วยในเรื่องของการขับถ่าย มีสารแทนนิน ซึ่งมีส่วนช่วยในการยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ที่มีชื่อว่า Escherichia coli ที่เชื่อว่าทำให้เกิดอาการท้องร่วงได้ เป็นต้น ซึ่งกล้วยหอมได้ถูกจัดว่าเป็นผลไม้ของเขตเมืองร้อน สามารถปลูกได้เกือบทุกประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นหลายแห่ง สำหรับประเทศไทยสามารถปลูกกล้วยหอมได้ทั่วทุกภาค ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่สำหรับปลูกกล้วยหอมอยู่ประมาณ ๑๔๐,๐๐๐ ไร่ (ผลการสำรวจปี พ.ศ. ๒๕๒๙) โดยพบว่าภาคที่มีการปลูกกล้วยหอมมากที่สุดได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) ภาคใต้ แต่ภาคใต้ และภาคตะวันออก จะเน้นปลูกกล้วยหอมเพื่อการค้า(ที่มา:http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1 )
ในกล้วยหอมมีสารน้ำตาลอยู่ 3 ชนิด คือ ซูโครส (sucrose) ฟรักโทส (fructose) และกลูโคส (glucose) ให้พลังงานแก่ร่างกายพร้อมนำไปใช้ทันที โดยมีรายงานวิจัยยืนยันว่า กล้วยหอม 2 ใบให้พลังงานเพียงพอต่อการทำงานถึง 90 นาที
                    จากการสำรวจและวิจัยไต่ถามพร้อมสุ่มตัวอย่างจากคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคเศร้าซึม พบว่าส่วนใหญ่จะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้กินกล้วยหอม เพราะในกล้วยหอมมี tryptophan กรดอะมิโนโปรตีน ซึ่งร่างกายแปลงเป็น serotonin สารกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์สดใสและมีความสุขมากยิ่งขึ้น
          ขณะที่ในสตรีช่วงก่อนมีประจำเดือน อารมณ์จะหงุดหงิดง่าย ไม่อยู่กับร่องรอย และก่อให้เกิดสภาวะต่อร่างกาย เช่น ปวดท้อง ปวดหัว ฯลฯ การกินกล้วยหอมช่วยได้ระดับหนึ่ง
          ช่วยสู้โรคโลหิตจาง ธาตุเหล็กในกล้วยหอมกระตุ้นร่างกายให้ผลิตเฮโมโกลบินในกระแสโลหิต หยุดยั้งภาวะโลหิตจางได้ ส่วนที่เกี่ยวกับความดันโลหิต กล้วยหอมมีเกลือโพแทสเซียมเหลืองอยู่มาก เป็นตัวช่วยความดันเลือด ระดับที่หน่วยงานด้านอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาอนุมัติให้เป็นผลไม้ที่มีส่วนช่วยลดภาวะความเสี่ยงความดันได้จริง
               กล้วยหอมยังมีประสิทธิภาพช่วยผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ เพราะวิตามินบี 6 บี 12 โพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่มีอยู่มาก ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วจากการขาดสารนิโคติน ในผู้มีอาการเมาค้าง (ซึ่งไม่ควรมีเพราะไม่ควรเมา)
          สารวิตามินจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเส้นเลือด และทำให้กระเพาะอาหารอยู่ในสภาวะที่พร้อมทำงานได้เร็วขึ้น และเพราะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด การกินกล้วยหอมสัก 1 - 2 คำ ระหว่างมื้อเช้า เที่ยงหรือเย็น ยังทุเลาอาการแพ้ท้องได้
          เส้นใยในกล้วยหอมช่วยให้การย่อยของลำไส้เล็กทำงานดีขึ้น ระบบขับถ่ายในร่างกายทำงานได้ดี ลดปัญหาท้องผูก และสารลดกรดตามธรรมชาติที่มีอยู่ยังช่วย ลดอาการจุกเสียดแน่นท้อง แต่อีกด้านกรดต่างๆ ที่มีอยู่ทำให้มีการเคลือบผิวของกระเพาะ ลดการเป็นแผลในกระเพาะได้
          ส่วนภายนอก บรรเทาแผลยุงกัด หลังยุงกัดจนได้ตุ่มแดง ก่อนใช้ยาทาลองใช้เปลือกกล้วยหอมด้านในถูบริเวณที่ถูกยุงกัด ช่วยลดอาการคันหรือบวม
          อ้วนจากทำงานมากเกินไป กล้วยหอมก็ช่วยได้ สถาบันจิตวิทยาในออสเตรียศึกษาและพบว่า ความเครียดจากที่ทำงานทำให้คนกินช็อกโกแลตและพวกโปเตโตชิพส์มากเกินไป และนั่นทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นกินกล้วยหอมสักเล็กๆ น้อยๆ ประมาณทุกๆ 2 ชั่วโมง จะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและลดการอยากกินของจุกจิก
          เสริมสร้างพลังสมอง ข้อนี้อ้างอิงจากงานวิจัยอังกฤษที่ระบุว่า ในแคว้นมิดเดิลเซกส์ มีนักเรียนจำนวน 200 คนจากโรงเรียนทวิกเคนแนม บอกว่าสอบผ่านเพราะได้กินกล้วยหอมเป็นอาหารเช้า รวมทั้งกินอีกนิดหน่อยในตอนมื้อเที่ยงเพื่อทำให้สมองสดชื่น โดยงานวิจัยพบว่าโพแทสเซียมในกล้วยหอมช่วยนักเรียนให้ตื่นตัวอยู่เสมอ
          การรับประทานกล้วยหอมสุกเป็นประจำจะทำให้ร่างกายได้รับสารเพ็กติน โปรตีน วิตามินเอ วิตามินซี รวมถึงธาตุฟอสฟอรัสและแคลเซียม บำรุงสายตาให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ยับยั้งการเกิดโรคต่างๆ ในช่องปาก ลดการเกิดตะคริว และกล้วยหอมเป็นผลไม้เย็น ผ่อนร้อนได้

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
         4.สารพิษที่อยู่ในครีมขัดรองเท้าทั่วๆไป
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
นางสาวธิดารัตน์    หอมสมบัติละคณะ ( บทคัดย่อ  :  2552 ) โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง น้ำยาขัดรองเท้าจากเปลือกมังคุด  ซึ่งในน้ำยาขัดรองเท้ามีสารพิษที่มีชื่อว่าสารซูดาน เรด (Sudan Red) ผสมอยู่ ซึ่งเป็นสีที่ใช้ย้อมในตระกูลซูดาน  มีคุณสมบัติสีสดใส  ติดทนทาน  จากการวิจัยของหน่วยงานนานาชาติด้านการวิจัย พบว่า  สารซูดาน เรด  มีผลต่อการทำลาย DNA ซึ่งจะส่งผลให้เกิดเนื้องอกได้  ซึ่งสารพิษชนิดนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายของคนเราได้ด้วยการรับประทาน  การสูดดม  หรือการสัมผัส   คณะผู้จัดทำจึงสนใจที่จะนำวัสดุจากธรรมชาติ เช่นเปลือกผลไม้มาใช้ในการทำน้ำยาขัดรองเท้า ทั้งนี้คณะผู้จัดทำสนใจนำเปลือกมังคุดแห้งมาใช้ในการทำน้ำยาขัดรองเท้า   
การศึกษาเปรียบเทียบค่าความมันวาวที่ได้จากน้ำยาขัดรองเท้าในอัตราส่วนต่างๆ ที่ประกอบไปด้วยกาบมะพร้าวที่แห้งและเผา : วาสลีน: ฟาราฟิน: ขี้ฝึ้ง  คิดเป็นอัตราส่วนดังนี้  3:1:1:1, 2:1:1:1, 1:1:1:1 ซึ่งวัดค่าความมันวาวได้ 4.75, 3.5  และ 2.75  ตามลำดับ
เปลือกกล้วยขัดรองเท้าได้ กล้วย นอกจากความอร่อยของมันแล้ว เปลือกของมันก็มีประโยชน์มิใช่น้อย เนื่องจากมันสามารถนำมาใช้แทนน้ำยาขัดรองเท้าได้ เนื่องจากในกล้วยมีโปแตสเซียมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักในน้ำยาขัดรองเท้าทั่วไป ดังนั้นเราจึงสามารถนำเปลือกกล้วยด้านในมาขัดรองเท้าได้
คลังโครงงานวิทยาศาสตร์ ( 2010 )  : โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง ผลิตภัณฑ์ขัดรองเท้า  พบว่าวัสดุชีวภาพสามารถนำมาผลิตภัณฑ์ขัดรองเท้าได้ และยังสามารถให้ความเงางามกับรองเท้าไม่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ขัดรองเท้าทั่วไป และยังมีคุณสมบัติพิเศษต่างจากผลิตภัณฑ์ขัดรองเท้าทั่วไปคือมีกลิ่นหอม ไม่เปื้อนมือ


         5.วิธีทำครีมขัดรองเท้า
1.นำเปลือกกล้วยมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปคั่วให้เกรียม
2.นำเปลือกกล้วยที่ได้จากการคั่วมาตำให้ละเอียด หากไม่ละเอียดให้นำมาร่อนให้เป็นผง


             
3.หั่นพาราฟินให้เป็นชิ้นเล็กๆ
4.นำพาราฟินที่หั่นตั้งไว้ใส่ลงไปในหม้อ 5 ช้อนโต๊ะและต้มให้เหลว

5.ใส่วาสลีนลงไป 2 ช้อนชา และคนให้เข้ากัน

6.ใส่น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ และคนให้เข้ากัน
7.ใส่ผงเปลือกกล้วย 2 ช้อนชา และคนให้เข้ากัน
8.ใส่ผงถ่าน 1 ช้อนชา และคนให้เข้ากัน
9.ใส่หัวเชื้อน้ำหอมตามชอบ และคนให้เข้ากัน

10.เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ 
11.ตั้งรอให้เย็นตัว และทำการทดลองใหม่แต่เปลี่ยนชนิดของผงเปลือกกล้วยเปรียบเทียบประสิทธิภาพและบันทึกผล

















บทที่ 3 วิธีการศึกษา



               การศึกษาเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้า มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและทำครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้าและเพื่อเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้าที่ได้รับการขัดจากครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้าคณะผู้รายงานกำหนดขั้นตอน/วิธีการศึกษาไว้ ดังนี้
วัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้

1.เครื่องชั่ง                                     8.ไมโครเวฟ
2.เครื่องวัดแสงตกกระทบ             9.มีดและเขียง
3.บีกเกอร์                                    10.ภาชนะใส่เปลือกกล้วย
4.แท่งแก้วคนสาร                          11.ผงเปลือกกล้วยหอม
5.ตะเกียงแอลกอฮอล์                   12.ผงเปลือกกล้วยน้ำว้า
6.กระปุกเปล่า                              13.วาสลีน
7.ครกและสาก                             14.พาราฟิน

วิธีการ/ขั้นตอนการศึกษา
ขั้นตอนการเตรียมผงเปลือกกล้วย
1. นำเปลือกกล้วยหอมและเปลือกกล้วยน้ำว้ามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วแยกใส่ไว้ในภาชนะ
2. นำเปลือกกล้วยหอมที่หั่นแล้วไปอบในไมโครเวฟจนเปลือกกล้วยหอมแห้ง และนำมาตำจนเป็นผงละเอียด
3. ทำตามขั้นตอนที่ 2 แต่เปลี่ยนจากเปลือกกล้วยหอมเป็นเปลือกกล้วยน้ำว้า


ขั้นตอนการทำครีมขัดรองเท้าจากเปลือกกล้วย
1. นำผงเปลือกกล้วยหอมมาชั่งให้ได้ปริมาณ 10 กรัม แล้วเทใส่ลงในบีกเกอร์
2. นำวาสลีนมาชั่งปริมาณ 30 กรัม แล้วใส่ลงในบีกเกอร์
3. นำพาราฟินมาชั่งปริมาณ 20 กรัม แล้วใส่ลงในบีกเกอร์
4. นำวาสลีน พาราฟิน และผงเปลือกกล้วยหอมที่ชั่งแล้ว มาเทรวมกันแล้วนำไปตั้งบนตะเกียงแอลกอฮอล์ คนจนส่วนผสมทั้ง3ชนิดละลายรวมเป็นเนื้อเดียวกัน
5. นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในกระปุกที่เราได้เตรียมไว้ ตั้งทิ้งไว้รอให้ส่วนผสมทั้งหมดแข็งตัว แล้วนำไปทดสอบ
6. ทำตามขั้นตอนที่ 1-5 แต่เปลี่ยนจากผงเปลือกกล้วยหอมเป็นผงเปลือกกล้วยน้ำว้า
                   7. สังเกตและเปรียบเทียบความมันวาวของรองเท้า                                   
                   8. บันทึกและสรุปผลการทดลอง

สูตรครีมขัดรองเท้า

สูตรเปลือกกล้วยหอม
สูตรเปลือกกล้วยน้ำว้า
 ผงเปลือกกล้วยหอม 10 กรัม
 ผงเปลือกกล้วยว้า 10 กรัม
 วาสลีน 30 กรัม
 วาสลีน 30 กรัม
 พาราฟิน 20 กรัม
 พาราฟิน 20 กรัม



วิธีและเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
    1.         วัดค่าความมันวาวของรองเท้าก่อนขัดด้วยครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอม
    2.         ขัดรองเท้าด้วยครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอม
    3.         วัดค่าความมันวาวของรองเท้าหลังการขัดด้วยครีมขัดรองเท้าที่ทำจากเปลือกกล้วยหอม
    4.         ทำการทดสอบตามข้อ1-3 แต่ทดสอบแทนด้วยครีมขัดรองเท้าที่ทำจากผงเปลือกกล้วยน้ำว้า
*Luk หมายถึงปริมาณแสงที่กระทบลงบนวัตถุต่อพื้นที่